เที่ยวไปทั่วเวียดนาม ตอนที่ 5 วัดเทียนมู่อนุสรณ์สถานแห่งความศรัทธาและความเศร้า

  • หน้าหลัก
  • บทความ
  • เที่ยวไปทั่วเวียดนาม ตอนที่ 5 วัดเทียนมู่อนุสรณ์สถานแห่งความศรัทธาและความเศร้า
mascot

เที่ยวไปทั่วเวียดนาม ตอนที่ 5 วัดเทียนมู่อนุสรณ์สถานแห่งความศรัทธาและความเศร้า

เที่ยวไปทั่วเวียดนาม ตอนที่ 5 วัดเทียนมู่อนุสรณ์สถานแห่งความศรัทธาและความเศร้า

วัดเทียนมู่เป็นวัดสำคัญของเมืองเว้ ตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำหอม เป็นวัดพุทธที่ได้รับอิทธิพลมาจากนิกายเซนและมหายาน วัดแห่งนี้มีประวัติอันน่าเศร้าสะเทือนใจจากเหตุการณ์สำคัญคือเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2506 รัฐบาลเวียดนามในเวลานั้นต้องการกำจัดศาสนาพุทธให้หมดไปจากเวียดนามทำให้พระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก อายุ 76 ปี เจ้าอาวาสวัดเทียนมู่ ไม่อาจทนเห็นรัฐบาลทำการปราบปรามเข่นฆ่าทำร้ายชาวพุทธได้อีกต่อไป ท่านจึงได้นั่งรถออสตินสีฟ้าออกจากวัดเทียนมู่ไปยังกรุงไซง่อนเพื่อร่วมขบวนอหิงสากับชาวพุทธนับพันคน ประกาศอุทิศตนปกป้องพระพุทธศาสนาและยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดทำทารุณกรรมกับพุทธศาสนิกชน และร่วมกันนั่งสวดมนต์ภาวนาอุทิศให้ผู้ที่เสียชีวิตจากการถูกปราบปราม หลังจากนั้นขบวนชาวพุทธได้เคลื่อนไปยังกลางกรุงไซง่อนโดยมีพระ ทิจ กวาง ดึ๊ก นั่งรถออสตินสีฟ้านำไป เมื่อถึงกลางกรุงไซง่อนพระ ทิจ กวาง ดึ๊ก ได้ลงจากรถไปนั่งขัดสมาธิกลางวงเวียนโดยมีชาวพุทธนั่งล้อมตัวท่านเป็นวงกว้าง จากนั้นได้มีคนนำน้ำมันเบนซินจากรถของท่านมาราดลงไปที่ตัวท่านถึง 5 แกลลอนพร้อมกับจุดไฟลงบนร่างท่าน เปลวไฟลุกโชติช่วงอยู่ถึง 10 นาที ร่างของท่านที่นั่งขัดสมาธิอยู่จึงได้ล้มลงนอนอย่างสงบโดยไม่แสดงอาการทุรนทุรายแม้แต่น้อย

เล่าย้อนกลับไปในยุคโค่นล้มราชวงศ์เหงียนเมื่อทหารยึดอำนาจจากจักรพรรดิเบ๋าได๋ได้แล้ว นายพลโง ดินห์ เดียม ได้สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนแรกของเวียดนามโดได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและนครวาติกันทำให้รัฐบาลของนายพลโง ดินห์ เดียม กลายเป็นรัฐบาลนิกายโรมันคาทอลิคและได้ทำการส่งเสริมสนับสนุนให้ชาวเวียดนามหันนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค และพยายามทำลายพระพุทธศาสนาให้สูญสิ้นไปจากเวียดนามมีการออกกฎหมายและระเบียบบังคับต่างๆเพื่อบีบคั้นกดดันผู้นับถือศาสนาพุทธ จนชาวพุทธทนไม่ไหวจึงทำการต่อต้านด้วยความอหิงสาแต่กลับถูกปราบปรามอย่างเหี้ยมโหด มีการสังหารพระสงฆ์ แม่ชี ประชาชน เผาทำลายวัดต่าง ๆ ในที่สุดเหล่าทหารที่ยังศรัทธาในพุทธศาสนาจึงได้ทำการปฏิวัติและสังหารประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม ได้สำเร็จเมื่อปีพ.ศ. 2506

หลังจากการมรณภาพของพระ ทิจ กวาง ดึ๊ก ก็ได้มีการนำสรีระเถ้าถ่านของท่านกลับมาบรรจุไว้ในอัฐิธาตุวัดเทียนมู่เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้รำลึกถึงความเสียสละอุทิศตนเพื่อปกป้องพุทธศาสนาของท่านสืบต่อไป ส่วนรถออสตินสีฟ้าก็ได้นำมาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน ปัจจุบันวัดเทียนมู่ได้รับการส่งเสริมให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งที่ใครมาเยือนเว้ก็จะต้องมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิที่วัดเทียนมู่แห่งนี้ด้วย ภายในวัดร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ และยังมีกระถางบอนไซขนาดใหญ่มากมายหลากหลายชนิดสวยงามมาก

เนื่องจากวัดเทียนมู่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอมหน้าวัดจึงมีท่าเรือและมีเรือยนต์รับจ้างพาล่องชมลำน้ำหอม ใครอยากนั่งเรือก็สามารถว่าจ้างได้จะไปรวมกับคณะอื่นหรือจะว่าจ้างเหมาลำส่วนตัวก็ว่ากันไป ส่วนเรื่องราคาต้องต่อรองกันให้ดี โชคดีที่วันที่ไปนักท่องเที่ยวไม่มากไม่มีใครอยากนั่งเรือ เราเลยต่อราคาเหมาเรือได้เต็มที่นั่งจากวัดเทียนมู่ไปขึ้นฝั่งที่สะพานทรวงเทียน ใช้เวลาล่องราว ๆ ครึ่งชั่วโมง

นั่งเรือล่องแม่น้ำหอมมาเรื่อยๆสองฟากฝั่งมีแต่ต้นไม้เขียวขจีไม่มีตึกสูงโรงแรมหรูหรือสถานเริงรมย์ใดๆ ความผูกพันธ์ของผู้คนกับสายน้ำยังคงเหนียวแน่นกับวิถีชีวิตดั้งเดิมเรียบง่าย เห็นคนหนุ่มสาวมากมายลงเล่นน้ำในแม่น้ำแหวกว่ายลอยคอกันสนุกสนานเกือบจะตลอดเส้นทาง เมื่อใกล้สะพานทรวงเทียนก็ได้เห็นภาพกิจกรรมที่น่ารักแปลกตาคือเรือหงส์ขาวที่มีเรามักคุ้นชินกับการถีบเล่นตามบึงในสวนสาธารณะกำลังลอยล่องอยู่กลางแม่น้ำอันกว้างใหญ่มากมายหลายลำทำให้บรรยากาศของแม่น้ำหอมดูสวยงามอ่อนโยนมากขึ้นไปอีก เสียดายที่เวลาไม่พอไม่เช่นนั้นจะขอลงไปถีบเรือหงส์ชมแม่น้ำหอมดูบ้าง