เที่ยวไปทั่วเวียดนาม ตอนที่ 6 ปั่นจักรยานไปซอกซอนซอกแซกตามวิถีชีวิตชาวเว้

  • หน้าหลัก
  • บทความ
  • เที่ยวไปทั่วเวียดนาม ตอนที่ 6 ปั่นจักรยานไปซอกซอนซอกแซกตามวิถีชีวิตชาวเว้
mascot

เที่ยวไปทั่วเวียดนาม ตอนที่ 6 ปั่นจักรยานไปซอกซอนซอกแซกตามวิถีชีวิตชาวเว้

เที่ยวไปทั่วเวียดนาม ตอนที่ 6 ปั่นจักรยานไปซอกซอนซอกแซกตามวิถีชีวิตชาวเว้

action adult bicycle bike country hat light man motion outdoors pavement person recreation road street traditional wear transportation system travel vehicle vietnam vintage wear wheel land vehicle cycling snapshot morning lane sports equipment tree girl

อีกหนึ่งอรรถรสในการเที่ยวเว้ถ้ามีเวลามากพอ คือ การปั่นจักรยาน เราสามารถให้โรงแรมติดต่อเช่าจักรยานให้ได้ในราคา 90 บาทต่อคัน/วัน  เป้าหมายคือปั่นจักรยานไปชมพระราชวังต้องห้าม พระราชสุสานจักรพรรดิไคดิงห์ และวัดเทียนมู่ ใจจริงอยากจะไปชมให้ครบทั้งพระราชสุสานพระเจ้ามิงห์มางกับพระราชสุสานพระเจ้าดือดึ๊กด้วย แต่ด้วยกำลังขาและเวลาไม่อำนวยเลยตัดใจไปเท่าที่พอไปไหว ความสนุกของการปั่นจักรยานเที่ยวเว้คือเราไม่รู้ถนนหนทางไม่รู้จุดหมายอยู่ตรงไหนต้องอาศัยเปิด GPS จากมือถือนำทางไปซึ่งแต่ละจุดหมายก็อยู่ห่างจากตัวเมืองชนิดที่ปั่นกันขาเปลี้ยไปเลยทีเดียว จากโรงแรมปั่นข้ามแม่น้ำหอมไปยังพระราชวังต้องห้ามไกลราว 10 กิโลเมตร ออกจากพระราชวังต้องห้ามไปพระราชสุสานจักรพรรดิไคดิงห์ซึ่งต้องปั่นออกนอกตัวเมืองผ่านชุมชนผ่านป่าขึ้นเนินเขาสูง ๆ ต่ำ ๆ อีกราว ๆ 15 กิโลเมตร ออกจากพระราชสุสานไปยังวัดเทียนมู่ต้องปั่นไปตามถนนไฮเวย์ขึ้นเขาลงเขาผ่านทุ่งนาไร่สวนไปกว่าจะถึงวัดเทียนมู่อีกราว ๆ 30 กิโลเมตรระหว่างทางแทบถอดใจไปหลายครั้ง รวมระยะทางปั่นจักรยานเบ็ดเสร็จ 55 กิโลเมตร

เส้นทางจากตัวเมืองลัดเลาะมายังพระราชสุสานจักรพรรดิไคดิงห์จะเป็นชุมชนที่ทำลวดลายปูนปั้นโบราณ ปั้นรูปปั้นเทพเจ้าต่างๆสำหรับใช้ประดับตามวัดหรือตกแต่งอาคาร ส่วนเส้นทางจากพระราชสุสานมายังวัดเทียนมู่นั้นต้องปั่นไปตามถนนไฮเวย์เส้นทางเว้-ฮานอย สภาพถนนขึ้นเนินลงเนินคดโค้งพอดูประกอบกับมีรถบรรทุกขนาดใหญ่แล่นสวนกันแทบตลอดเวลาค่อนข้างอันตราย

เมื่อผ่านช่วงถนนไฮเวย์เข้าสู่ทางแยกไปวัดเทียนมู่ในช่วงต้นถนนสายนี้จะพบต้นซุงขนาดใหญ่จำนวนมากกองอยู่ริมถนนเรียงรายกันไปทั้งสองฝั่งเป็นโรงไม้โรงเลื่อยขนาดใหญ่สำหรับผลิตไม้พาเลทที่ใช้วางของและยังเป็นแหล่งผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้อีกด้วย ปั่นต่อไปก็เริ่มมีไร่อ้อยและชุมชนหมู่บ้านเจอร้านขายน้ำอ้อยคั้นสดหลายร้านปั่นจักรยานมาเหนื่อย ๆแวะพักดื่มน้ำอ้อยสดหวานอมเปรี้ยวและมีกลิ่นส้มอ่อนๆของส้มจี๊ดเจือมาด้วยได้ความรู้เพิ่มว่าที่นี่เขานิยมกินส้มจี๊ดมากกว่ามะนาว จากนั้นปั่นลัดเลาะต่อไปตามถนนก็เริ่มเห็นแม่น้ำหอมรำไรแสดงอีกไม่ไกลก็จะถึงวัดเทียนมู่แล้ว

หลังจากขึ้นชมและสักการะเจดีย์วัดเทียนมู่เรียบร้อยแล้วยังเหลือระยะทางกลับเข้าเว้อีก 6 กิโลเมตร เราตัดสินใจกลับโดยการขนจักรยานขึ้นเรือเพื่อล่องชมแม่น้ำหอมท่ามกลางแสงแดดที่กำลังอ่อนลงและสายลมที่พัดพาไอเย็นจากแม่น้ำขึ้นมาช่วยให้รู้สึกสบายตัวขึ้น

นับว่าเป็นการปิดทริปเที่ยวเว้ที่ได้ครบทุกรสชาติจริง ๆ ก่อนจะลาจากเมืองเว้ถ้าใครต้องการหาซื้อของฝากของที่ระลึกก็สามารถไปที่ตลาดดงบาซึ่งอยู่ในตัวเมืองได้ ตลาดดงบาเป็นตลาดใหญ่มีสินค้าหลากหลาย อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ผลิตภัณฑ์กาแฟ ใบชา  ของใช้ในครัวเรือน อาหารสด อาหารแห้ง ดอกไม้สด ร้านอาหาร และอีกมากมาย มีคำเตือนจากประสบการณ์ของคนที่เคยมาเที่ยวบอกว่าหากต้องการซื้อของที่เวียดนามให้ต่อราคาลงมาครึ่งหนึ่งเลยเพราะเขาตั้งราคาสูงเกินจริงมาก และควรจะมีเงินปลีกเล็ก ๆ ไว้มากหน่อยเพราะแม่ค้าบางคนอาจจะไม่ทอนเศษย่อยๆให้ทางที่ดีเราควรจ่ายเงินให้พอดีจะดีที่สุด และมีบางคำแนะนำบอกว่าถ้าต่อแล้วเขาไม่ลดหรือลดให้น้อยเราก็เดินออกมาเลยเดี๋ยวคนขายจะเรียกตามหลังมาเอง

หมายเหตุ…การปั่นจักรยานนั้นเหมาะสมสำหรับปั่นเล่นในเมืองเท่านั้นไม่แนะนำให้ปั่นออกไปไกลๆเหมือนอย่างในรีวิว เวียดนามขับรถเลนส์ขวาคนไม่คุ้นชินอาจจะเกิดอันตรายได้ แต่ถ้าหากต้องการท่องเที่ยวแบบไม่ต้องลุยเองให้เหนื่อยแนะนำให้ใช้บริการท่องเที่ยวกับ Kangwal Holiday รับรองความสนุก สะดวก สบาย และปลอดภัยไร้กังวล